ล่าสุดสื่อดังหลายสำนักออกมาเผยว่า ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป กลุ่มทุนกลุ่มใหญ่ที่มี โมฮาเหม็ด อัลเคเรจี เป็นประธาน หมดสิทธิการเป็นเจ้าของสโมสร เชลซี แล้ว ส่วนอีกรายคือ เจ้าของทีม นิวยอร์ก เจ็ต วู้ดดี้ จอห์นสัน ก็ตามมาติดๆ
หลังจากเหตุการณ์ที่ โรมัน อับราโมวิช เศรษฐีชาวรัสเซียถูกรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตร ส่งผลให้เจ้าตัวต้องประกาศขายสิงโตน้ำเงินคราม ออกไป โดยมี บริษัท เรน กรุ๊ป เป็นตัวแทนในการพิจารณา การลงทุนจากสหรัฐอเมริกา และรับข้อเสนอ และก็ได้ปิดรับข้อเสนอ เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการหารือกันในการกำหนดราคาขาย “สิงโตน้ำเงินคราม” เอาไว้ที่3,000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 135,000 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา เศรษฐีชาวรัสเซียพาทีมประสบผลสำเร็จคว้าถ้วยแชมป์ถึง 21 ใบ
จากผู้ที่เข้าร่วมการเสนอในครั้งนี้ตัดเหลือแค่เพียง 3-4 รายเท่านั้น หนึ่งในนั้นที่ถูกตัดออกคือ ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป เป็นกลุ่มทุนกลุ่มใหญ่ที่ไม่รับการพิจารณา ให้เข้ารอบสุดท้าย ในการเข้าซื้อกิจการ เชลซี สโมสร แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตามรายงานของสื่อดังในเมืองผู้ดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา
โมฮาเหม็ด อัลเคเรจี เป็นประธาน แห่ง ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย ได้นำเสนอเงินในการที่จะซื้อเชลซีถึง 2,000 พันล้านปอนด์ (ประมาณ 121,500 ล้านบาท) และยังเตรียมเงินอีก 200 ล้านปอนด์ ในการซื้อนักเตะเพิ่ม ก่อนหน้านี้ ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป ซึ่งอยู่ในการควบคุมดูแลของ โมฮาเหม็ด อัลเคเรจี ถูกจับตามองเป็นอย่างมากในการเข้าชิงตำแหน่งเจ้าของทีม หลังจากที่ โรมัน อบราโมวิช ประกาศขายทีมในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยผู้สนใจสามารถส่งเอกสารเพื่อยื่นข้อเสนอ แต่ข้อเสนอไม่ได้รับการพิจารณาแม้จะไม่มีความยุ่งเกี่ยวกับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ซึ่งถูกตั้งแง่จากสังคมโลกเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ตาม เช่นเดียวกับ วู้ดดี้ จอห์นสัน เจ้าของ นิวยอร์ก เจ็ต ทีมดังในศึก อเมริกัน ฟุตบอล (เอ็นเอฟแอล)
จากการถูกตัดออกในครั้งนี้ ซาอุดี มีเดีย กรุ๊ป มีความผิดหวังเป็นอย่างมากที่ถูกตัดออกในครั้งนี้ แต่ก็ต้องยอมรับในคำตัดสินดังกล่าว สื่อได้ออกมาเผยว่าจากการเสนอเงินในครั้งนี้ดันไม่เข้าตากรรมการ หรือ ข้อเสนอของพวกเขายังไม่สูงพอ เพราะก่อนที่เสี่ยหมีจะประกาศขาย เขาได้ตั้งราคาไว้สูงถึง 3000 ล้านปอนด์ (ประมาณ 135,000 ล้านบาท) แต่ถึงจะตัดออกแค่หนึ่ง ก็ยังมีอีกสามตัวเต็งที่มีโอกาสลุ้นเป็นเจ้าของ เชลซี ไม่ว่าจะเป็น เซอร์ มาร์ติน บรอฟตัน ที่ได้มีการร่วมทุนกับ กลุ่มของเซอร์ มาร์ติน บรอฟตัน อดีตผู้บริหาร ลิเวอร์พูล ลอร์ด โค ครอบครัวตระกูล ริคเก็ตต์ส เจ้าของทีมเบสบอล ชิคาโก คับส์ กลุ่มทุนของ ท็อดด์ โบห์ลี ยังอยู่ในแคนดิเดตสุดท้าย
สำหรับรายชื่อที่เหลือที่มีโอกาสได้ เชลซี ไปครอง หลังจากที่ โรมัน อบราโมวิช ถูกรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตร และมีหนึ่งคนในนั้นมีอดีตประธานสโมสร หงส์แดง ที่ติดหนึ่งในสาม คือ เซอร์ มาร์ติน บรอฟตัน โดยเจ้าตัวได้มีการร่วมมือกับ ลอร์ด เซบาสเตียน โค อดีตผู้อำนวยการโอลิมปิกลอนดอน 2012 อีกทั้งเขายังเป็นแฟนคลับตัวยงของเชลซีอีกด้วย ด้วยเงินจากสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เป็นผู้สนับสนุน ในการเข้าร่วมเทคโอเวอร์เชลซีครั้งนี้ หรือไม่ว่าจะเป็น ลอร์ด โค ครอบครัวตระกูล ริคเก็ตต์ส ผู้ก่อตั้ง Citadel กองทุนป้องกันความเสี่ยงข้ามชาติและบริษัทให้บริการทางการเงินสัญชาติอเมริกัน ซึ่งครอบครัวริกเก็ตส์ ได้ร่วมมือกันเพื่อเข้าซื้อสโมสร เชลซี โดย ทีมเบสบอลของอเมริกันที่มีชื่อว่า ชิคาโก คับส์ก็เป็นของ ครอบครัวริกเก็ตส์ เช่นกัน ซึ่งหากทางครอบครัวได้รับเลือกในการเป็นเจ้าของ ก็จะเข้าร่วมกับสแตน โครเอนเก
นักธุรกิจมหาเศรษฐีชาวอเมริกันประธานสโมสรอาร์เซนอล และ เจ้าของชาวอเมริกันคนอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีก อีกรายที่ยังเป็นตัวเต็ง คือ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกาวัย 46 ปี ท็อดด์ โบห์ลี อีกทั้งยัง ดำรงตำแหน่งประธาน และซีอีโอ “เอลดริดจ์ อินดัสตรี” บริษัทโฮลดิง และ ยังเคยขอซื้อเชลซีเมื่อปี 2019 แต่ก็ยังโดน อบราโมวิช ปฏิเสธ ในตอนนั้น นอกจากนี้เจ้าตัวยังเป็นสมาชิกของทีมมวยปล้ำ ระดับแชมป์ของมลรัฐ และ ได้ลงทุนด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อสังหาริมทรัพย์ กีฬา เช่น แอลเอ เลเกอร์ส (บาสเกตบอล), แอลเอ ด็อดเจอร์ส (เบสบอล) และ แอลเอ สปาร์คส (บาสเกตบอลหญิง) รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆอีกด้วย